ปกติเมี่ยงที่เคยกินก็จะเป็นเมี่ยงปลาเผา เมี่ยงหมูสามชั้น เป็นต้น แต่มีหนึ่งเมี่ยงที่เป็นเหมือนอาหารว่างทานเล่นซึ่งเป็นการรวมเอาพืชสมุนไพรมารวมเป็นคำ เรียกว่า เมี่ยงคำ ซึ่งในปัจจุบัน เมี่ยงคำอาจจะไม่ได้หาซื้อง่ายเหมือนในอดีต แต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง วันนี้เรามาดูและทำความรู้จักกับเมี่ยงคำกันเลยดีว่าว่าคืออะไร

          เมี่ยงคำ เป็นอาหารว่างที่มีมานาน พบในบทพระราชนิพนธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องว่าง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นิยมใช้เป็นอาหารสำหรับการสังสรรค์ ปิกนิกในครอบครัว หรือในหมู่เพื่อนฝูง ป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางสมุนไพรสูง เพราะมีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาธาตุทั้ง 4 เพื่อให้สมดุลกัน น้ำเชื่อม มะพร้าว ถั่วลิสง หรือมะม่วงหิมพานต์ และกุ้งแห้งใช้บำรุงรักษาธาตุดิน มะนาวและใบชะพลูใช้บำรุงรักษาธาตุน้ำ หอมและพริกใช้บำรุงรักษาธาตุลม ส่วนเปลือกของมะนาวและขิงสด บำรุงรักษาธาตุไฟ

ประโยชน์เมี่ยงคำ

          “เมี่ยงคำ” นอกจากจะอร่อยถูกปากแล้ว เมื่อลองแยกส่วนประกอบของเมี่ยงคำออกมาดูก็พบว่าในเมี่ยงคำนั้นมีแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นเลย โดยในเมี่ยงหนึ่งคำนั้นก็ประกอบไปด้วยใบชะพลูสำหรับห่อไส้ มะนาว ถั่วลิสง กุ้งแห้ง มะพร้าวคั่ว หอมแดง พริกขี้หนู ขิง ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ต่างก็มีประโยชน์ในตัวเองอยู่แล้ว

  • ใบชะพลูนั้นก็ถือเป็นพืชที่ให้แคลเซียม และมีกากใยสูง
  • มะนาวให้วิตามินซีสูง กินทั้งเปลือกจะได้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว ถั่
  • วลิสงคั่วให้โปรตีน
  • กุ้งแห้งให้โปรตีนและแคลเซียม อีกทั้งยังมีสารไอโอดีนอีกด้วp
  • มะพร้าวคั่วมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้พลังงาน
  • หอมแดงมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  • พริกขี้หนูก็มีสารแคปไซซิน เบตาแคโรทีน และวิตามินต่างๆ ช่วยแก้ลมจุกเสียด ท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย
  • ขิงก็มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ช่วยย่อยอาหาร ช่วยในไหลเวียนของโลหิต
  • น้ำเมี่ยงคำที่มีส่วนผสมหลักคือน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา กะปิ ขิง ข่า ก็เป็นส่วนประกอบที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายด้วยเช่นกัน

ในปี พ.ศ. 2557 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้ขึ้นทะเบียนเมี่ยงคำให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในสาขาความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล เพื่อป้องกันมิให้สูญหาย พร้อมกับมรดกทางวัฒนธรรมอย่างอื่น เพราะในปัจจุบันเมี่ยงคำเริ่มเลือนหายไปบ้างแล้ว เด็กรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เคยได้ลิ้มรสความอร่อยของสมุนไพรที่รวมกันแล้วดับสุขภาพมากๆ ดังนั้นเราควรมีการสืบสานวัฒนธรรมการกินโบราณเพื่อให้ลูกหลานได้รู้จักในอนาคต